“รอมฎอน” ที่มาและความหมาย

           ความหมายของคำว่า "รอมฎอน" ในภาษาอาหรับมีการอ้างอิงความหมายจากหลากหลายแหล่งที่มา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการให้ความหมายคำดังกล่าวมักเกี่ยวข้องกับหลักภาษาอาหรับและการศาสนาอิสลาม ซึ่งพจนานุกรมหลายเล่มให้ความหมายที่ใกล้เคียงกัน ดังนี้

1.  รอมฎอน ภาษาอังกฤษทับศัพท์ว่า Ramadan (คำนาม) พหุพจน์ คือ รอมะฎอนาตุน, อัรมะฎออฺ, อัรมะเฎาะฮฺ และรอมาฎีน นับเป็นเดือนที่9 ตามปฐิทินฮิจญเราะฮฺศักราช เป็นเดือนที่อยู่ระหว่างเดือนชะอฺบานและเชาวาล ซึ่งจะมีจำนวน 29 หรือ 30 วันเท่านั้น เป็นเดือนที่คัมภีร์อัลกุรอานถูกประทานลงมา - อัลมะอานีย์

2.  รอมฎอน เป็นคำนามภาษาอาหรับเพศชาย แสดงถึงเดือนถือศีลอดของชาวมุสลิม  ชาวมุสลิมเรียกเดือนนี้ว่าเป็นเดือนแห่งความสิริมงคล นอกจากนั้นแล้วเดือนนี้ยังเป็นชื่อเดือนที่ 9 ตามปฐิทินจันทรคติ เป็นเดือนที่มีอากาศร้อนที่สุด (رمضاء  : ร้อนจัด) หรือ (الرمض  : ความร้อนของฤดูร้อน) ในปฐิทินของชาวญะฮีลียะฮฺ (ยุคก่อนอิสลาม) - พจนานุกรมมะอานีย์อัลอัสมาอฺ

3.  รอมฎอน เดือนที่ 9 ตามปฐิทินฮิจญเราะฮฺศักราช เป็นเดือนที่อยู่หลังเดือนชะอฺวาลก่อนเดือนเชาวาล  รอมฎอน เป็นคำนามที่ห้ามใส่ตันวัน (คำนามมัมนูอุน มินนัศศ็อรฺฟ) คำนามพหุพจน์ของดังกล่าวนี้ คือ รอมาฎอนาตุน, อัรมาเฎาะฮฺ, อัรมาฎออฺ และรอมาฎีนู  - พจนานุกรมอัลมุอฺญัม อัลวะสีฏ

4.      รอมฎอน คำนามพหุพจน์คือ  รอมาฎอนาตุน, อัรมาเฎาะฮฺ, อัรมาฎออฺ และรอมาฎีนู  เดือนที่ 9 ในรอบปี  อยู่ระหว่างเดือนชะอฺบานและเดือนเชาวาล เป็นเดือนแห่งการถือศีลอดในศาสนาอิสลาม “เมื่อเดือนรอมฎอนมาถึงประตูของสวรรค์จะถูกเปิด ประตูนรกจะถูกปิด และมารร้ายชัยฎอนจะถูกพันธนาการ” (อัลหะดีษ) “เดือนรอมฎอนเป็นเดือนซึ่งอัลกุรอานถูกประทานลงมา..” (อัลกุรอาน)  - พจานานุกรมอัลลุเฆาะฮฺ อัลอะรอบียะฮฺ อัลมะอาศิร

5.  รอมฎอน คำนามพหุพจน์คือ  รอมาฎอนาตุน เป็นเดือนที่ 9 ตามปฐิทินจันทรคติ เป็นเดือนที่มีความสำคัญต่อชาวมุสลิมทั่วโลก เพราะเป็นเดือนที่คัมภีร์อัลกุรอานถูกประทานลงมา ในเดือนนี้มีบัญญัติศาสนาให้ดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1  ของเดือนรอมฎอน  (إثبات رمضان برؤية الهلال) ในวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน โดยในเดือนนี้ศาสนาอนุญาตให้ผู้ป่วย (إفطار المريض في رمضان) หญิงมีประจำเดือน และผู้เดินทาง ไม่ต้องถือศีลอดในเดือนนั้น แต่ต้องชดใช้ด้วยการถือศีลอดในเดือนอื่นภายในปีนั้นๆ สำหรับผู้สูงอายุ (إفطار الكبير في رمضان) หากการถือศีลอดสร้างความลำบาก ศาสนาก็อนุญาตให้ไม่ต้องถือศีลอด แต่ต้องให้อาหารแก่คนยากจนทุกวัน หากเขาไม่มีความสามารถที่จะให้อาหารได้ ก็ไม่ต้องชดใช้อะไร (เนื่องจากอัลลอฮฺไม่ได้บังคับชีวิตหนึ่งเกินความสามารถที่จะทำได้) สำหรับคนป่วยที่ไม่มีโอกาสที่หายขาดได้ ศาสนาอนุมัติให้ไม่ต้องถือศีลอดเช่นกัน แต่ต้องให้อาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละหนึ่งคน เนื่องจากเขาอยู่ในสถานะเดียวกับคนชราที่ไม่ความสามารถที่จะถือศีลอด  (สรุปความหมายจากพจนานุกรมมุศฏอละหาต ฟิกฮียะฮฺ)

6. รอมฎอน ชื่อเดือนที่ 9 ตามปฐิทินฮิจญเราะฮฺศักราช เป็นเดือนที่อยู่หลังเดือนชะอฺบาน รอมฎอน และตามด้วยเดือนเชาวาล  มีจำนวนวัน 29 หรือ 30 วันในรอบปี มีคำกล่าวอำพรต่อกันว่า “รอมฎอนเวียนมาบรรจบ เดือนแห่งการถือศีลอด เดือนแห่งการอภัยโทษ” - พจนานุกรมอัลฆอนีย์

7. รอมฎอน  ชื่อเดือนที่ 9 ในปฐิทินจันทรคติ มีจำนวนวัน 30 วัน  คำนามพหุพจน์ของคำว่า รอมฎอน คือ รอมาฎอนาตุน, อัรมาเฎาะฮฺ, อัรมาฎออฺ และรอมาฎีนู  - พจนานุกรมอัรรออิด

หลังจากอ่านการให้นิยามความหมายจากแหล่งที่มาต่างๆ เราอาจจะอธิบายความมหายของคำว่า “รอมฎอน” ได้ว่า  “รอมฎอน  (คำนามพหุพจน์  คือ รอมาฎอนาตุน, อัรมาเฎาะฮฺ, อัรมาฎออฺ และรอมาฎีนู) เป็นคำนามที่ห้ามใส่สระตันวีน (คำนามมัมนูอฺ มิน อัศศ็อรฺฟ) บ่งบอกถึงชื่อเดือนที่ 9 ของปฐิทินฮิจญเราะฮฺศักราชหรือปฐิทินจันทรคติของชาวมุสลิม เป็นเดือนที่อยู่ระหว่างเดือนชะอฺบานและเดือนเชาวาล มีจำนวนวัน 29 หรือ 30 วันเท่านั้นในหนึ่งเดือน นอกจากนั้นแล้วเดือนดังกล่าวเป็นเดือนที่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม คือ คัมภีร์อัลกุรอาน ถูกประทานลงมาพร้อมกับหลักธรรมคำสอนและบทบัญญัติต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการถือศีลอดในดังกล่าวด้วย โดยคัมภีร์อัลกุรอานได้กล่าวถึงเดือนรอมฎอนไว้ว่า เดือนรอมฏอนนั้น เป็นเดือนที่อัลกรุอานได้ถูกประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ดังนั้นผู้ใดในหมูพวกเจ้าเข้าอยู่ในเดือนนั้นแล้ว ก็จงถือศีลอดในเดือนนั้น และผู้ใดป่วย หรืออยู่ในการเดินทาง ก็จงถือใช้ในวันอื่นแทน อัลลอฮ์ทรงประสงค์ให้มีความสะดวกแก่พวกเจ้า และไม่ทรงให้มีความลำบากแก่พวกเจ้าและเพื่อที่พวกเจ้าจะได้ให้ครบถ้วน ซึ่งจำนวนวัน(ของเดือนรอมฏอน) และเพื่อพวกเจ้าจะได้ให้ความเกรียงไกรแด่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พระองค์ทรงแนะนำแก่พวกเจ้า และเพื่อพวกเจ้าจะขอบคุณ” (2:185)


นอกจากนั้นแล้วเดือนรอมฎอนยังมีที่มาจากคำกล่าวขานจากชาวญะฮีลียะฮฺ (บรรพชนยุคก่อนอิสลาม) ในอดีตว่าเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดในรอบปี และคำว่ารอมฎอนเองก็ยังมีรากศัพท์จากคำนามที่มาจากภาษาอาหรับจากคำว่า “รอมฎุน” (رَمْضٌ : حرقة الصيف)  ซึ่งมีหมายความว่า “อุณภูมิความร้อนของฤดูร้อน” และคำว่า “รอมฎออฺ” (رَمْضَاءُ : شُدَّةُ الحرَّ)  แปลว่า “ร้อนจัด” นั่นเองครับ”



อิบนุ อะหมัด : เรียบเรียง
ใหม่กว่า เก่ากว่า