ประสบการณ์เมืองดูไบ ประทับใจเป็นไหนๆ

มัรหะบัน - مرحبًا - มาพบกับคอลัมน์บทความทั่วไป วันนี้มาพร้อมกับการเก็บตกประสบการณ์ของเหล่านักศึกษาแลกเปลี่ยนโครงการเปลี่ยนด้านภาษาและวัฒนธรรมตามความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ (Royal Thai Consulate-General, Dubai) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 8 กันยายน - 6 ตุลาคม 2556 ภายใต้การสนับสนุนของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ณ มหาวิทยาวอลลองกอง (University of Wollongong in Dubai : UOWD) เรื่องราวประสบการณ์ของพวกเค้าจะเป็นอย่างไรนั้น?  ขอเชิญทุกท่านอ่านบทความด้านล่างครับ...

ดูไบ เมืองแห่งตึกระฟ้าแปลกตา
ดูไบเป็นรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่มีความเจริญของเมืองมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีการเติบโตในทุกๆ ด้านอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยตึกระฟ้าที่ผุดขึ้นมาทุกวันราวกับดอกเห็ด กล่าวกันว่าปั่นจั่น 70% ของโลกถูกรวมไว้อยู่ที่เมืองแห่งนี้ สิ่งนี้จึงแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งของเมืองดูไบได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นดูไบยังเป็นเมืองที่เปิดเสรีด้านการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุน มีการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ จึงทำให้เมืองดูไบเต็มไปด้วยนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และคนงานจากหลากหลายเชื้อชาติที่หลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก การใช้ชีวิตของผู้คนที่นั่นจึงค่อนข้างเป็นสังคมแบบพหุวัฒนธรรม ดังนั้นการทำความเข้าใจภาษา สังคม และวัฒนธรรมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ภาษาอังกฤษถือว่าเป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารของคนส่วนใหญ่ สำหรับคนที่ยังไม่เคยได้ไปเยือนดูไบ  อาจจะคิดว่าดูไบเป็นเมืองอาหรับที่ผู้คนต่างใช้ภาษาอาหรับในการสื่อสาร แต่เปล่าเลย!! คนส่วนใหญ่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ หรือแม้กระทั่งคนอาหรับเองสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้

มหาวิทยาลัยวอลลองกอง (University Of Wallongong in Dubai : UOWD)
ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่พวกเราทั้ง 4 คน ได้มีโอกาสไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และใช้ชีวิตอยู่ในในดูไบ ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญของพวกเราที่ได้ไปศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในดูไบอย่างมหาวิทยาวอลลองกองในดูไบ ( University Of Wollongong in Dubai : UOWD) ทุกวันพวกเราจะโดยสารรถประจำมหาวิทยาลัยหรือไม่ก็แท็กซี่ไปยังมหาวิทยาลัยซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลมากนักจากโรงแรมที่พัก โดยทุกวันพวกเราจะใช้เวลาเรียนในห้องเรียนเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากเลิกเรียนพวกเรามักจะนั่งเมตโทรดูไบ หรือรถไฟฟ้าตะเวนเที่ยวชมเมืองดูไบเพื่อศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นั่น พวกเราได้พบเจอและพูดคุย สื่อสารกับคนต่างชาติตลอดจนชาวอาหรับในสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นซูก (ตลาด), ห้างสรรพสินค้า, สวนสาธารณะมัสยิด, พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ  ส่วนในวันหยุดสุดสัปดาห์ พวกเรามักจะมีนัดกับพี่ๆ จากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ทางกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดขึ้น เช่น  กิจกรรมแข่งกีฬาโบว์ลิ้งการกุศลกับสมาคมคนไทยในยูเออีกิจกรรมเยี่ยมเยือนนักเรียนไทยในอาบูดาบีย์, กิจกรรมร่วมเชียร์ทีมไทยในการแข่งขันวอลเล่บอลชิงแชมป์เอเชีย, กิจกรรมเที่ยวซาฟารี สัมผัสวิถีชาวเบดูอิน เป็นต้น ซึ่งทุกกิจกรรมที่ทางกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดขึ้นนั้น ล้วนแล้วเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ และสร้างรอยยิ้ม ความสุข สนุกสนานให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก

พิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum)
ส่วนบรรยากาศการเรียนการสอนในชั้นเรียนอาจารย์ผู้สอนซึ่งเป็นชาวอียิปต์จะมุ่งเน้นให้พวกเราได้เน้นการมีส่วนร่วม โดยการพูดแสดงมุมมอง ความคิดเห็น ผ่านกิจกรรมการนำเสนอหน้าชั้นเรียน  ทุกวันอาจารย์จะมอบหมายการบ้านให้พวกเราได้ฝึกฝน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเขียนเรียงความ รายงาน และไดอารี่จากผลการศึกษาด้วยตนเองทั้งในและนอกห้องเรียนผ่านหัวข้อที่อาจารย์ได้กำหนดไว้ในแต่ละวัน  เช่น การเขียนเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมการแต่งงานของชาวไทยและชาวอาหรับ การเขียนไดอารี่  และการเขียนเล่าเรื่องจากการได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในดูไบ ตลอดจนการเขียนเล่าถึงความประทับใจ เป็นต้น และอีกหนึ่งกิจกรรมการเรียนรู้ที่อาจารย์ได้จัดขึ้น ก็คือ กิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน กิจกรรมนี้จัดขึ้นทุกวันพฤหัสฯ ซึ่งพวกเราได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษา สังคม และวัฒนธรรมร่วมกับนักศึกษาต่างชั้นเรียน ซึ่งเป็นนักศึกษาต่างชาติ พวกเราได้มีโอกาสร่วมศึกษา เรียนรู้ร่วมกันจากการได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในดูไบ อาทิ เช่น มัสยิดจุไมร่า (Jumeirah Mosque) มัสยิดประจำเมืองดูไบ, ร้านอาหารอาหรับเลบานอน Bazerkan , พิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum), ซูกหรือตลาด (Souk), ห้างสรรพสินค้าอิบนุ บัฏฏูเฏาะฮฺ (Ibn Battuta Mall) ,ดูไบมอลล์ (Dubai Mall), มอลล์ ออฟ ดิ เอมิเรตส์ (Mall of The Emirates)  เป็นต้น  ทุกกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนนั้น ทำให้พวกเราได้เรียนรู้ภาษา สังคม และวัฒนธรรมของชาวอาหรับได้เป็นอย่างดี ตลอดจนได้สัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรมอาหรับอย่างแท้จริงอีกด้วย

บุร์จอัลอาหรับ (Burj Al-Arab) โรงแรมระดับ 7 ดาว ริมชายหาดจุไมราห์
ส่วนความประทับใจในเมืองดูไบนั้นมีหลายอย่างที่พวกเราต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยครับว่า มันสุดยอดจริงๆ !! ดูใบเป็นเมืองที่ครองความเป็นสุดไว้ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกัน เช่น ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกอย่าง บุร์จคอลีฟะฮ (Burj Khalifa) , ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ดูไบมอลล์ (Dubai Mall), โรงแรมสุดหรูระดับ 7 ดาว บนเกาะเทียมที่สูงที่สุดในโลกอย่าง โรงแรมบูร์จอัลอาหรับ (Burj Al-arab), โครงการหมู่เกาะต้นต้นปาล์มที่มีแห่งเดียวของโลก, น้ำพุเต้นระบำที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก, โกว์ซูก หรือตลาดทอง (Gold Souk) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฯลฯ  แต่สิ่งที่ประทับใจพวกเรามากที่สุดคงจะเป็นตึกระฟ้าบูร์จคอลีฟะฮฺที่ยืนสูงตระหง่าน โดดเด่นคู่เมืองดูไบ บูร์จคอลีฟะฮฺอาจจะถือว่าเป็นพระเอกของเมืองนี้ไปแล้วก็ว่าได้ ไม่ว่าเราอยู่ที่ใดในดูไบก็สามารถมองเห็นมันได้ทุกที่ทุกเวลา และอีกหนึ่งสิ่งที่เราประทับใจและหลงใหลในความงามของมัน นั่นก็คือ โรงแรมบูร์จอัลอาหรับ สถานที่แห่งนี้อาจถือได้ว่าเป็นนางเอกหรือสัญลักษณ์ของดูไบก็ว่าได้ หากเราเดินเล่นตลอดชายหาดจุไมร่า เราก็จะเห็นมันยืนตระหง่านอวดความงามให้เราเห็นคู่กับชายหาดจุไมร่าซึ่งชายหาดประจำเมืองดูไบนั่นเอง

มัสยิดเชค ซายิดฯ (Shiek Zayed Grand Mosque)
นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่พวกเราได้ไปเยือนและรู้สึกประทับเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือ มัสยิดเชคซายิด บิน สุลฏอน อาล นะฮฺยาน (Sheikh Zayed Grand Mosque) หรือที่ชาวเมืองรู้จักกันดีในชื่อ มัสยิดเชค ซายิด, มัสยิดอัลกะบีร หรือมัสยิดเชค ซายิด อัลกะบีร ตั้งอยู่ในเมืองอบูดาบีย์ (เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มัสยิดแห่งนี้ถูกจัดว่าเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นสถานที่ฝังพระศพของเชคซายิด เจ้าผู้ครองนครรัฐอาบูดาบีย์และประธานาธิบดีคนแรกของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  สถานที่แห่งนี้มีโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของสถาปัตยกรรมอิสลามร่วมสมัยที่ครองความเป็นสุดยอดไว้ในหลายๆ เรื่องด้วยกัน เช่น มัสยิดแห่งนี้มีโดมหลักที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผืนพรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นต้น บอกได้ประโยคเดียวเลยว่า มันช่างยิ่งใหญ่ และวิจิตรบรรจงอะไรเช่นนี้ !!

ในการนี้ต้องขอขอบพระคุณทางสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ที่หยิบยื่นโอกาสดีๆ แบบนี้ให้กับพวกเราทั้ง 4 คนใน การได้มาศึกษาแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าในการเปิดโลกทัศน์เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ชีวิตในการเรียนรู้ภาษา สังคม และวัฒนธรรมในต่างประเทศ และในวาระเดียวกันนี้ต้องขอขอบพระคุณพี่ๆ กงสุลผู้ใจดีอย่างพี่อ้อม พี่ชาลี ลุงสำราญ พี่ป่าน พี่กรณ์ และพี่ตั้ล จากไทยเทรดที่คอยดูแลช่วยเหลือพวกเรา และคอยเป็นไกด์พาเที่ยวตลอดระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

ขอขอบพระคุณท่านคณะบดี อาจารย์อาหวัง ล่านุ้ย รองคณะบดี อาจารย์บดินทร์ แวลาเต๊ะ หัวหน้าภาควิชาตะออก อาจารย์อัสมิง กาเซ็ง และคณาจารย์ทุกท่านในแผนกภาษาอาหรับ ที่ส่งเสริมและผลักดันให้เกิดโครงการดีๆ แบบนี้  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีถัดไปโครงการนี้จะยังคงมีต่อไป เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ภาษา สังคม และวัฒนธรรมอาหรับให้แก่นักศึกษาในเอกภาษาอาหรับของเรา เพื่อเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ และพัฒนาระดับภาษาให้สูงขึ้นไป


ขอบคุณบทความจาก : http://huso4dubai.blogspot.ae

แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า